สิ่งอันตรายมีหลายรูปแบบ บ้างมองเห็น บ้างมองไม่เห็น บ้างเป็นนามธรรม บ้างเป็นรูปธรรม คุณผู้อ่านเคยประสบเหตุการณ์คล้ายคลึงเช่นนี้บ้างไหม
นักเรียนที่มีคุณครูมารับไปโรงเรียนและส่งกลับบ้านทุกวันครั้งสมัยเรียนอยู่ชั้นประถมและมัธยม กระทั่งไปเรียนในวิทยาลัยก็มีคุณน้าเป็นอาจารย์ฝ่ายปกครอง ล้วนแล้วอยู่ในสายตาของผู้อาวุโสตลอดมา การประคับประคองถนอมรักษาด้วยดีอย่างสม่ำเสมอเหล่านี้ มีแง่คิดสะกิดใจนานาประการดังนี้
- เป็นการโรยกลีบกุหลาบบนถนนชีวิตมากไปไหม
- ติดนิสัยใช้จมูกคนอื่นหายใจตลอดไปหรือไม่
- รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดีเป็นไหม หรือช่วยเหลือสังคมเป็นไหม
- จะกลายเป็นคนเก็บกดหรือโลดแล่น จะอวดเบ่งหรือเกรงใจ จะว่องไวหรืออืดอาด จะสะอาดหรือสาดโคลน จะอ่อนโยนหรือบึ้งตึง จะโดดผึงหรือดึงเหนี่ยว จะปราดเปรี้ยวหรือเคี้ยวเอื้อง จะเอาเรื่องหรือปล่อยวาง จะเมินหมางหรือสร้างมิตร จะเกาะติดหรือลอยลม แต่ช่างเถอะ ! คอยสะใจพวกผู้ปกครองที่เหมือนแม่นกกกไข่ หรือเรียกอย่างหนึ่งว่าทนุถนอมราวกับไข่ในหิน เหล่านี้นางเอกสาวชื่อเพิ่มทรัพย์ สามารถเล่าเหตุการณ์ได้สอดคล้องกับชื่อเรื่องที่ตั้งไว้
เหตุการณ์แรกที่เกิดขึ้นกับตัวเธออย่างกะทันหันเวลาเช้าขณะเดินไปโรงเรียนชั้นประถมปีที่สี่ที่โรงเรียนราษฎร์ประจำจังหวัด เธอสวมเสื้อเครื่องแบบสีขาวมีกระเป๋าอยู่ด้านล่างทางซ้ายใส่เข็มโครเชสำหรับถักริมผ้าเช็ดหน้า ปลายเข็มแหลมเป็นเงี่ยงมิได้สวมปลอก ดังนั้นเมื่อโน้มตัวลงเก็บของหล่นอยู่ที่พื้นดิน หน้าอกด้านซ้ายใต้ราวนมจึงกระแทกเข็มยาวกว่าคืบเข้าไปเกือบสุดเล่ม เจ็บจี๊ดเดียวรีบเอื้อมมือจับด้ามเข็มไว้พร้อมกับนึกถึงคำกล่าวที่ว่า หัวเข็มจะแล่นลึกเข้าไปเรื่อย ๆ ตามจังหวะสูบฉีดโลหิตไปเลี้ยงหัวใจ จะวิ่งไปหาหมอก็ไกลเกิน จะให้คนอื่นช่วยดึงก็กลัวเจ็บต่าง ๆ นานา จึงตัดสินใจดึงกระชากสุดแรงทีเดียวเสร็จ มือหนึ่งกดแผลกันเลือดไหลโกรก ส่วนอีกมือหนึ่งใข้นิ้วคลำหาเงี่ยงแหลมที่ปลายเข็มว่าหักปักค้างอยู่ในเนื้อตนเองหรือเปล่าพร้อมกับกวาดสายตาหาหยดเลือดว่าเป็นสีแดงเหลวหรือเป็นก้อนข้น โอย!!!! คุณพระคุณเจ้า!!!!! คุณพ่อคุณแม่!!!! เลือดก็ไม่เห็น เข็มก็ไม่หัก เอ๊ะ!!!! หรือว่าเป็นเลือดตกใน หัวใจอาจค่อย ๆ หยุดเต้นแล้วจึงตายเวลาพักเที่ยงวัน หรือเวลาเย็นกลับบ้าน หรือเวลากลางคืนนอนหลับเตลิดไปเลย และแล้วก็รอดตาย ….กายกับใจกับสมองกับปัญญาระดมบอกตนเองว่า ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน เพราะถ้ามัวร้องตะโกนเรียกให้คนอื่นช่วยก็อาจจะสายเสียแล้ว
เหตุเกิดกับคนอื่นแต่จำเพาะเจาะจงอยู่ตรงหน้าตัวเองชนิดไม่เคยพบเห็น คือ หลานชายหลายคนกำลังเล่นรบทัพจับศึกชุลมุนวุ่นวายกันอยู่ ทันใดนั้นดาบไม้ใหญ่ยาวแหลมทิ่มแทงแก้มทะลุปากถึงเหงือกและฟัน _ _ _ _ _ _ _ _ _ _เสียงร้องโฮๆๆ เสียเรียกให้ช่วยดังระเบ็งเซ็งแซ่ แต่ไม่มีผู้ใดกล้าหาญชาญชัยเข้าจัดการ พริบตานั้นนางสาวเพิ่มทรัพย์ขยับจับไม้กระชากดึงพรวดเดียวหลุดทันควัน พลันประสาทสมองร้องบอกตัวเองเป็นคำรบที่สองว่าพลังจิตชนิดว่องไวผนวกกำลังใจชนิดเข้มแข็งอยู่ได้ในมนุษย์เอวบางร่างเล็ก
อีกเหตุการณ์หนึ่งซึ่งเป็นอุทาหรณ์สอนเหล่าภรรยาทั้งหลายว่า ระหว่างเวลากับสามี พึงฉับไวในการตัดสินใจเลือกก่อนหลังดังเรื่องเล่าต่อไปนี้ จากการพแพทย์สูตินารีที่คลีนิคข้างบ้าน ได้รับคำแนะนำว่า ก่อนเด็กเกิดจะมีน้ำแป้งเปียกปนเลือดสีจางหยดนำนิดหน่อยเป็นการเตือนล่วงหน้าให้รีบไปโรงพยาบาล ครั้นถึงเวลาดังกล่าวฝ่ายสามีได้พูดผัดผ่อนให้รอเวลาประเดี๋ยวหนึ่งครึ่งชั่วโมง ด้วยสิทธิ มนุษยชนคนมีสติ ภรรยารีบปฏิบัติตนตามสุภาษิตฝรั่งที่ว่า เวลาและกระแสน้ำไม่เคยคอยใครจึงรีบเร่งเดินด่วนด้วยสองขาตนเอง ดีกว่ารอให้ถูกอุ้มขึ้นรถเข็น เป็นคุณแม่ที่เรื่องไม่มาก ดีกว่าเป็นนางนาคพระโขนง
กลับกลายท้ายเรื่องก่อนจบ พลิกผันหันเหออกนอกเรื่องชนิดเหลือเชื่อ คือเหตุการณ์ในห้องเรียน มีเด็กชายสามคนเลือดกำเดาไหลลงบนเสื้อเครื่องแบบสีขาว คุณครูสาวเพิ่มทรัพย์รีบหยิบจับสำลีส่งให้พวกเขาใช้เช็ดจมูก เท่านั้นเองเธอก็เข่าอ่อนแขนอ่อนเป็นลมเลยเน้อ….